30/8/56

นิทานเซ็น ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ


นิทานเซ็น ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ

ในอดีตกาล มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง นามว่า กัวฮั่น”( 郭翰) เชี่ยวชาญด้านจิตรกรรมและประพันธ์โคลงกวี ทั้งยังร่าเริงมีอารมณ์ขัน

ในค่ำคืนหนึ่งกลางคิมหันต์ฤดู กัวฮั่นกำลังยืนรับลมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ชมดูท้องฟ้าเขียวดั่งมรกต เมฆขาวลอยล่อง จันทรากระจ่างอยู่กลางแผ่นฟ้า ลมเย็นพัดผ่านมาจนทั่วบริเวณสวนแห่งนี้ ในยามนั้น พลันปรากฏนางเซียนผู้มีรูปโฉมงามยิ่งนางหนึ่ง ยืนยิ้มน้อย ๆ อยู่เบื้องหน้าเขา กัวฮั่นจึงเอ่ยคำสนทนาด้วยความนบนอบ

กัวฮั่น: แม่นางนี้เป็นใคร มาจากที่ใด?”
นางเซียน: ข้าคือสาวทอผ้า (จือหนี่ว์) * มาจากสรวงสวรรค์
กัวฮั่น: หากแม่นางมาจากสวรรค์จริง สามารถเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสวรรค์ให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
นางเซียน: ท่านต้องการฟังเรื่องใด?
กัวฮั่น: ย่อมต้องการฟังทุกเรื่อง
นางเซียน: เช่นนั้นคงลำบากแล้ว ท่านจะให้ข้าเริ่มเล่าจากตรงไหนกันเล่า?”
กัวฮั่น: ผู้คนต่างกล่าวว่าเซียนล้วนปราดเปรื่อง นางจงเล่าอะไรก็ได้มาเถิด
นางเซียน: สวรรค์ทั้ง 4 ฤดูกาลล้วนเป็นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนไม่ร้อน ฤดูหนาวไม่หนาว พฤกษาชาติล้วนเขียวสด บุปผาชาติไร้วันโรยรา หมู่มวลวิหกขับร้องประสานเสียง มัจฉาแหวกว่ายไม่ขาดสาย ไม่มีโรคภัย ไม่มีสงคราม ไม่มีการเก็บส่วยภาษี โดยรวมแล้ว ความทุกข์ยากทั้งมวลบนโลกมนุษย์ไม่มีปรากฏบนสรวงสวรรค์

กัวฮั่น: หากสวรรค์ดีเช่นนั้น เหตุใดแม่นางจึงหนีลงมายังโลกมนุษย์หรือ?
นางเซียน: น่าเสียดายที่ท่านเองก็เป็นผู้ผ่านการร่ำเรียนวิชามา ผู้อาวุโสจวงจื่อ** ได้เคยกล่าวไว้มิใช่หรือว่าเมื่ออยู่ในห้องหับที่เต็มไปด้วยดอกกล้วยไม้นานเกินไป กลิ่นหอมหวนย่อมจางหายเช่นเดียวกับข้าที่อยู่บนสวรรค์เนิ่นนานจนหงอยเหงา จึงลงมาเที่ยวเล่นยังโลกมนุษย์เป็นครั้งคราว
กัวฮั่น: ได้ยินว่ามียาอายุวัฒนะ คนกินแล้วไม่แก่ไม่ตาย ท่านทราบหรือไม่ว่ายานั้นอยู่ที่ใด?”
นางเซียน: โอสถทิพย์นี้บนโลกมนุษย์ไม่มี แต่บนสวรรค์กลับหาได้ทั่วไป
กัวฮั่น: ในเมื่อบนสวรรค์มีมากมายเช่นนั้น แม่นางควรปันลงมาแจกจ่ายให้ชาวโลกบ้างจักดียิ่ง
นางเซียน: ไม่สามารถนำลงมาได้ เพราะสิ่งที่เป็นสมบัติของสวรรค์ เมื่อนำลงมายังโลกมนุษย์จะเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้น ป่านนี้ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง จิ๋นซีฮ่องเต้’ ‘ฮั่นอู่ตี้คงพากันกินโอสถทิพย์นี้แล้ว
กัวฮั่น: ทุกคำของแม่นางล้วนอ้างถึงสรวงสวรรค์ แต่มีหลักฐานใดกันเล่าที่ยืนยันว่านางไม่ได้โกหกผู้คน?”

เพื่อคลายความสงสัย นางเซียนจึงให้กัวฮั่นพิจารณาเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ ซึ่งกัวฮั่นพบว่าน่าแปลกยิ่งนักที่เสื้อผ้าของนางไม่มีรอยตะเข็บแม้แต่น้อย แต่ขบคิดไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด

นางเซียนจึงกล่าวว่าภูษาฟ้าไร้ตะเข็บเสื้อผ้าอาภรณ์บนสรวงสวรรค์นั้นล้วนเป็นผืนเดียวไร้ ตะเข็บรอยต่อ เพียงเรื่องนี้ท่านยังไม่เข้าใจ จะสามารถเรียกว่าเป็นผู้มีปัญญาได้อย่างไร ข้าว่าท่าน เรียกว่าเป็นผู้โง่งมตัวจริงเสียจะเหมาะกว่า

เมื่อได้ฟังคำตำหนิของนางเซียน กัวฮั่น อดมิได้จึงหัวเราะ ฮา ฮา ออกมา แต่เพียงชั่วพริบตา พบว่านางเซียนได้หายไปแล้ว

ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บเป็นสำนวนเปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ที่เรียบร้อยราบรื่นรอบด้าน ไร้ปัญหาอุปสรรคหรือข้อตำหนิใด ๆ นอกจากนี้ยังใช้เปรียบเทียบกับบทกวีที่ประพันธ์ได้อย่างสอดคล้องกลมกลืน

 

นิทานเซ็น ภูเขาน้ำแข็งยากพึ่งพิง


นิทานเซ็น ภูเขาน้ำแข็งยากพึ่งพิง
ในรัชสมัยของพระเจ้าถังเสวียนจง (หลี่หยงจี) นั้น พระองค์ทรงลุ่มหลงหยางอี้ว์หวน จนกระทั่งยกย่องให้เป็นพระสนมเอกหรือที่รู้จักกันในนาม หยางกุ้ยเฟย ซึ่งส่งผลให้บ้านตระกูลหยางมีอิทธิพลต่อแผ่นดินราชวงศ์ถังในยุคนั้นอย่าง ยิ่ง ลูกผู้พี่ของนางนาม หยางกั๋วจง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัครมหาเสนาบดี สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ กุมอำนาจมหาศาลไว้ในอุ้งมือ การคัดเลือกขุนนางเข้ามารับใช้ราชสำนัก ต่างก็ต้องผ่านการเห็นชอบจากตระกูลหยางทั้งสิ้น ส่วนขุนนางที่ไม่ถูกกับตระกูลหยาง ก็ค่อย ๆ ถูกกำจัดไป
ในช่วงเวลาดังกล่าว เมืองส่านซีมีคนผู้หนึ่งซึ่งสอบจอหงวนได้ในระดับสูง มีนามว่า จางถ้วน เขายังไม่มีโอกาสเป็นขุนนาง บรรดาเพื่อนฝูงจึงพากันแนะนำให้เขาเข้ามากราบคารวะหยางกั๋วจง เพราะมีแต่ทำเช่นนั้นจึงจะสามารถเป็นขุนนาง ทั้งยังมีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานต่อไป ทว่าจางถ้วน จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมทำตาม กล่าวโต้แย้งเพื่อนฝูงผู้หวังดีกลับไปว่าท่านทั้งหลายล้วนพากันยกย่องหยางกั๋วจงว่ามั่นคงเข้มแข็งประหนึ่งขุนเขาไท่ ซาน ทว่าข้ากลับเห็นว่าเขานั้น เป็นได้ก็เพียงภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น หากในวันหน้าแผ่นดินเกิดจลาจล เกิดผู้คนลุกขึ้นมาต่อต้าน หยางกั๋วจงย่อมตกต่ำลง ไม่ต่างอะไรกับภูเขาน้ำแข็งที่มอดละลายเพราะแสงอาทิตย์สาดส่อง เมื่อถึงเวลานั้น พวกท่านก็จะขาดภูเขาเอาไว้พึ่งพิงแล้ว
จากนั้นไม่นาน อานลู่ซาน นำทหารก่อกบฏ บุกโจมตีนครหลวงฉางอาน ถังเสวียนจง หยางกั๋วจง และหยางกุ้ยเฟย รวมทั้งกองทหารต่างพากันหลบหนี เพื่อมุ่งหน้าไปยังนครเสฉวน ทว่าระหว่างทาง เมื่อถึงเนินหม่าเวย กองทหารได้กดดันให้ถังเสวียนจงสำเร็จโทษหยางกั๋วจง เนื่องจากเห็นว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดการกบฏ พระองค์จึงทรงสั่งประหารชีวิตหยางกั๋วจง ส่วนหยางกุ้ยเฟยก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน นางถูกกดดันจนต้องผูกคอตายในที่สุด
สำนวน ปิงซานหนานเข้าหรือ ภูเขาน้ำแข็งยากพึ่งพิงใช้เปรียบเปรยว่าการเอาแต่พึ่งพาหรือหยิบยืมอำนาจของผู้อื่นนั้น ไม่มีทางที่จะอยู่ยั่งยืนนาน แต่ย่อมสูญสลายในเร็ววัน
 

28/7/56

นิทานเซ็น แพทย์สงคราม

นิทานเซ็น แพทย์สงคราม

ยังมีแพทย์สงครามผู้หนึ่ง ทำหน้าที่รักษาเหล่าทหารที่บาดเจ็บในสมรภูมิรบมานับไม่ถ้วน ทหารหลายรายได้รับการรักษาจากแพทย์สงครามจนหายดี แต่กลับไปเสียชีวิตกลางสนามรบก็มีไม่น้อย

เหตุการณ์เหล่านี้วนเวียนไป จนกระทั่งนานวันเข้าแพทย์สงครามค่อย ๆ สั่งสมความทุกข์ขึ้นในจิตใจจนถึงที่สุด เขาเอาแต่ครุ่นคิดว่า
หากทหารที่ตายในสนามรบเหล่านั้นชะตาขาดอยู่แล้ว เหตุใดต้องมาให้ข้ารักษาจนหายก่อนค่อยไปตายอีก และหากข้ารักษาคนเจ็บจนหายดีแต่สุดท้ายเขาต้องกลับไปตายในสงคราม เช่นนั้นวิชาแพทย์ของข้าจะมีความหมายอันใดเมื่อคิดถึงตอนนี้ เขาจึงรู้สึกว่าการเป็นแพทย์สงครามนั้นช่างไร้ค่าสิ้นดี

แพทย์สงครามไม่อาจปฏิบิติหน้าที่ต่อไปได้ จึงตัดสินใจออกเดินทางขึ้นเขาไปพบอาจารย์เซน และบอกเล่าถึงความทุกข์ใจของตนเอง ทั้งยังถามอาจารย์เซนว่า หากเหตุการณ์ยังวนเวียนอยู่เช่นนี้ต่อไปเขายังจะดำรงอาชีพเป็นแพทย์สงครามไป ทำไม
?

เขารั้งอยู่บนยอดเขากับอาจารย์เซน ผ่านวันเวลาเนิ่นนานในการหาคำตอบ จนกระทั่งวันหนึ่งจึงได้กลับลงเขามาเป็นแพทย์สงครามเช่นเดิม เนื่องจากเขาค้นพบคำตอบของคำถามนี้แล้ว

แพทย์สงครามกล่าวกับตนเองว่า
ที่ข้าต้องทำหน้าที่ต่อไป เนื่องเพราะข้าคือแพทย์ผู้หนึ่งอย่างไรเล่า

ปัญญาเซ็น
: สรรพสิ่งเป็นไปตามธรรมชาติแห่งเหตุปัจจัย อยู่กับปัจจุบัน มองสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น มิใช่ตามที่ตนอยากหรือไม่อยากให้เป็น