นิทานเซ็น ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ
ในอดีตกาล มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง นามว่า “กัวฮั่น”( 郭翰) เชี่ยวชาญด้านจิตรกรรมและประพันธ์โคลงกวี
ทั้งยังร่าเริงมีอารมณ์ขัน
ในค่ำคืนหนึ่งกลางคิมหันต์ฤดู กัวฮั่นกำลังยืนรับลมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ชมดูท้องฟ้าเขียวดั่งมรกต เมฆขาวลอยล่อง จันทรากระจ่างอยู่กลางแผ่นฟ้า ลมเย็นพัดผ่านมาจนทั่วบริเวณสวนแห่งนี้
ในยามนั้น พลันปรากฏนางเซียนผู้มีรูปโฉมงามยิ่งนางหนึ่ง ยืนยิ้มน้อย ๆ อยู่เบื้องหน้าเขา
กัวฮั่นจึงเอ่ยคำสนทนาด้วยความนบนอบ
กัวฮั่น: “แม่นางนี้เป็นใคร มาจากที่ใด?”
นางเซียน: “ข้าคือสาวทอผ้า (จือหนี่ว์) * มาจากสรวงสวรรค์”
กัวฮั่น: “หากแม่นางมาจากสวรรค์จริง สามารถเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสวรรค์ให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
นางเซียน: “ท่านต้องการฟังเรื่องใด?
กัวฮั่น: “ย่อมต้องการฟังทุกเรื่อง”
นางเซียน: “เช่นนั้นคงลำบากแล้ว ท่านจะให้ข้าเริ่มเล่าจากตรงไหนกันเล่า?”
กัวฮั่น: “ผู้คนต่างกล่าวว่าเซียนล้วนปราดเปรื่อง นางจงเล่าอะไรก็ได้มาเถิด”
นางเซียน: “สวรรค์ทั้ง 4 ฤดูกาลล้วนเป็นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนไม่ร้อน ฤดูหนาวไม่หนาว พฤกษาชาติล้วนเขียวสด บุปผาชาติไร้วันโรยรา หมู่มวลวิหกขับร้องประสานเสียง มัจฉาแหวกว่ายไม่ขาดสาย ไม่มีโรคภัย ไม่มีสงคราม ไม่มีการเก็บส่วยภาษี โดยรวมแล้ว ความทุกข์ยากทั้งมวลบนโลกมนุษย์ไม่มีปรากฏบนสรวงสวรรค์
กัวฮั่น: “หากสวรรค์ดีเช่นนั้น เหตุใดแม่นางจึงหนีลงมายังโลกมนุษย์หรือ?
นางเซียน: “น่าเสียดายที่ท่านเองก็เป็นผู้ผ่านการร่ำเรียนวิชามา ผู้อาวุโสจวงจื่อ** ได้เคยกล่าวไว้มิใช่หรือว่า ‘เมื่ออยู่ในห้องหับที่เต็มไปด้วยดอกกล้วยไม้นานเกินไป กลิ่นหอมหวนย่อมจางหาย’ เช่นเดียวกับข้าที่อยู่บนสวรรค์เนิ่นนานจนหงอยเหงา จึงลงมาเที่ยวเล่นยังโลกมนุษย์เป็นครั้งคราว”
กัวฮั่น: “ได้ยินว่ามียาอายุวัฒนะ คนกินแล้วไม่แก่ไม่ตาย ท่านทราบหรือไม่ว่ายานั้นอยู่ที่ใด?”
นางเซียน: “โอสถทิพย์นี้บนโลกมนุษย์ไม่มี แต่บนสวรรค์กลับหาได้ทั่วไป”
กัวฮั่น: “ในเมื่อบนสวรรค์มีมากมายเช่นนั้น แม่นางควรปันลงมาแจกจ่ายให้ชาวโลกบ้างจักดียิ่ง”
นางเซียน: “ไม่สามารถนำลงมาได้ เพราะสิ่งที่เป็นสมบัติของสวรรค์ เมื่อนำลงมายังโลกมนุษย์จะเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้น ป่านนี้ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ‘จิ๋นซีฮ่องเต้’ ‘ฮั่นอู่ตี้’ คงพากันกินโอสถทิพย์นี้แล้ว”
กัวฮั่น: “ทุกคำของแม่นางล้วนอ้างถึงสรวงสวรรค์ แต่มีหลักฐานใดกันเล่าที่ยืนยันว่านางไม่ได้โกหกผู้คน?”
นางเซียน: “ข้าคือสาวทอผ้า (จือหนี่ว์) * มาจากสรวงสวรรค์”
กัวฮั่น: “หากแม่นางมาจากสวรรค์จริง สามารถเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสวรรค์ให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
นางเซียน: “ท่านต้องการฟังเรื่องใด?
กัวฮั่น: “ย่อมต้องการฟังทุกเรื่อง”
นางเซียน: “เช่นนั้นคงลำบากแล้ว ท่านจะให้ข้าเริ่มเล่าจากตรงไหนกันเล่า?”
กัวฮั่น: “ผู้คนต่างกล่าวว่าเซียนล้วนปราดเปรื่อง นางจงเล่าอะไรก็ได้มาเถิด”
นางเซียน: “สวรรค์ทั้ง 4 ฤดูกาลล้วนเป็นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนไม่ร้อน ฤดูหนาวไม่หนาว พฤกษาชาติล้วนเขียวสด บุปผาชาติไร้วันโรยรา หมู่มวลวิหกขับร้องประสานเสียง มัจฉาแหวกว่ายไม่ขาดสาย ไม่มีโรคภัย ไม่มีสงคราม ไม่มีการเก็บส่วยภาษี โดยรวมแล้ว ความทุกข์ยากทั้งมวลบนโลกมนุษย์ไม่มีปรากฏบนสรวงสวรรค์
กัวฮั่น: “หากสวรรค์ดีเช่นนั้น เหตุใดแม่นางจึงหนีลงมายังโลกมนุษย์หรือ?
นางเซียน: “น่าเสียดายที่ท่านเองก็เป็นผู้ผ่านการร่ำเรียนวิชามา ผู้อาวุโสจวงจื่อ** ได้เคยกล่าวไว้มิใช่หรือว่า ‘เมื่ออยู่ในห้องหับที่เต็มไปด้วยดอกกล้วยไม้นานเกินไป กลิ่นหอมหวนย่อมจางหาย’ เช่นเดียวกับข้าที่อยู่บนสวรรค์เนิ่นนานจนหงอยเหงา จึงลงมาเที่ยวเล่นยังโลกมนุษย์เป็นครั้งคราว”
กัวฮั่น: “ได้ยินว่ามียาอายุวัฒนะ คนกินแล้วไม่แก่ไม่ตาย ท่านทราบหรือไม่ว่ายานั้นอยู่ที่ใด?”
นางเซียน: “โอสถทิพย์นี้บนโลกมนุษย์ไม่มี แต่บนสวรรค์กลับหาได้ทั่วไป”
กัวฮั่น: “ในเมื่อบนสวรรค์มีมากมายเช่นนั้น แม่นางควรปันลงมาแจกจ่ายให้ชาวโลกบ้างจักดียิ่ง”
นางเซียน: “ไม่สามารถนำลงมาได้ เพราะสิ่งที่เป็นสมบัติของสวรรค์ เมื่อนำลงมายังโลกมนุษย์จะเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้น ป่านนี้ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ‘จิ๋นซีฮ่องเต้’ ‘ฮั่นอู่ตี้’ คงพากันกินโอสถทิพย์นี้แล้ว”
กัวฮั่น: “ทุกคำของแม่นางล้วนอ้างถึงสรวงสวรรค์ แต่มีหลักฐานใดกันเล่าที่ยืนยันว่านางไม่ได้โกหกผู้คน?”
เพื่อคลายความสงสัย
นางเซียนจึงให้กัวฮั่นพิจารณาเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ ซึ่งกัวฮั่นพบว่าน่าแปลกยิ่งนักที่เสื้อผ้าของนางไม่มีรอยตะเข็บแม้แต่น้อย
แต่ขบคิดไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด
นางเซียนจึงกล่าวว่า “ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ…เสื้อผ้าอาภรณ์บนสรวงสวรรค์นั้นล้วนเป็นผืนเดียวไร้
ตะเข็บรอยต่อ เพียงเรื่องนี้ท่านยังไม่เข้าใจ จะสามารถเรียกว่าเป็นผู้มีปัญญาได้อย่างไร
ข้าว่าท่าน เรียกว่าเป็นผู้โง่งมตัวจริงเสียจะเหมาะกว่า”
เมื่อได้ฟังคำตำหนิของนางเซียน
กัวฮั่น อดมิได้จึงหัวเราะ ฮา ฮา ออกมา แต่เพียงชั่วพริบตา
พบว่านางเซียนได้หายไปแล้ว
“ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ”
เป็นสำนวนเปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ที่เรียบร้อยราบรื่นรอบด้าน ไร้ปัญหาอุปสรรคหรือข้อตำหนิใด
ๆ นอกจากนี้ยังใช้เปรียบเทียบกับบทกวีที่ประพันธ์ได้อย่างสอดคล้องกลมกลืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น