นิทานเซ็น ภูเขาน้ำแข็งยากพึ่งพิง
ในรัชสมัยของพระเจ้าถังเสวียนจง
(หลี่หยงจี) นั้น พระองค์ทรงลุ่มหลงหยางอี้ว์หวน จนกระทั่งยกย่องให้เป็นพระสนมเอกหรือที่รู้จักกันในนาม
หยางกุ้ยเฟย ซึ่งส่งผลให้บ้านตระกูลหยางมีอิทธิพลต่อแผ่นดินราชวงศ์ถังในยุคนั้นอย่าง
ยิ่ง ลูกผู้พี่ของนางนาม หยางกั๋วจง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัครมหาเสนาบดี
สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ กุมอำนาจมหาศาลไว้ในอุ้งมือ
การคัดเลือกขุนนางเข้ามารับใช้ราชสำนัก ต่างก็ต้องผ่านการเห็นชอบจากตระกูลหยางทั้งสิ้น
ส่วนขุนนางที่ไม่ถูกกับตระกูลหยาง ก็ค่อย ๆ ถูกกำจัดไป
ในช่วงเวลาดังกล่าว
เมืองส่านซีมีคนผู้หนึ่งซึ่งสอบจอหงวนได้ในระดับสูง มีนามว่า จางถ้วน
เขายังไม่มีโอกาสเป็นขุนนาง บรรดาเพื่อนฝูงจึงพากันแนะนำให้เขาเข้ามากราบคารวะหยางกั๋วจง
เพราะมีแต่ทำเช่นนั้นจึงจะสามารถเป็นขุนนาง ทั้งยังมีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานต่อไป
ทว่าจางถ้วน จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมทำตาม กล่าวโต้แย้งเพื่อนฝูงผู้หวังดีกลับไปว่า “ท่านทั้งหลายล้วนพากันยกย่องหยางกั๋วจงว่ามั่นคงเข้มแข็งประหนึ่งขุนเขาไท่
ซาน ทว่าข้ากลับเห็นว่าเขานั้น เป็นได้ก็เพียงภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น หากในวันหน้าแผ่นดินเกิดจลาจล
เกิดผู้คนลุกขึ้นมาต่อต้าน หยางกั๋วจงย่อมตกต่ำลง ไม่ต่างอะไรกับภูเขาน้ำแข็งที่มอดละลายเพราะแสงอาทิตย์สาดส่อง
เมื่อถึงเวลานั้น พวกท่านก็จะขาดภูเขาเอาไว้พึ่งพิงแล้ว”
จากนั้นไม่นาน อานลู่ซาน นำทหารก่อกบฏ
บุกโจมตีนครหลวงฉางอาน ถังเสวียนจง หยางกั๋วจง และหยางกุ้ยเฟย
รวมทั้งกองทหารต่างพากันหลบหนี เพื่อมุ่งหน้าไปยังนครเสฉวน ทว่าระหว่างทาง
เมื่อถึงเนินหม่าเวย กองทหารได้กดดันให้ถังเสวียนจงสำเร็จโทษหยางกั๋วจง เนื่องจากเห็นว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดการกบฏ
พระองค์จึงทรงสั่งประหารชีวิตหยางกั๋วจง ส่วนหยางกุ้ยเฟยก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน
นางถูกกดดันจนต้องผูกคอตายในที่สุด
สำนวน “ปิงซานหนานเข้า” หรือ “ภูเขาน้ำแข็งยากพึ่งพิง”
ใช้เปรียบเปรยว่าการเอาแต่พึ่งพาหรือหยิบยืมอำนาจของผู้อื่นนั้น ไม่มีทางที่จะอยู่ยั่งยืนนาน
แต่ย่อมสูญสลายในเร็ววัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น