นิทานเซ็น
3คนกลายเป็นเสือ
ในสมัยสงครามระหว่างรัฐ
(จั้นกั๋ว) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีรัฐประเทศเล็ก ๆ อยู่หลายรัฐ
ซึ่งแต่ละรัฐก็มักจะก่อสงครามรบพุ่งกันเสมอ จึงถือว่ายุคนั้นเป็นยุดแห่งการสงคราม
ในยุคนั้นมีรัฐ 2 รัฐ
ที่มีเขตแดนติดกันคือรัฐเว่ย และรัฐเจ้า และเพื่อเป็นคำมั่นในการเจริญสัมพันธไมตรี
หยุดสู้รบ ทั้ง 2 รัฐจึงตกลงที่จะแลกเปลี่ยนคนกันเพื่อเป็นหลักประกัน
ดังนั้นอ๋องรัฐเว่ยจึงส่งบุตรชายคนเดียวของตนไปเป็นตัวประกันยังเมืองหลวง รัฐเจ้า
ทั้งยังส่งขุนนางชั้นสูง นาม ผางชง เดินทางไปยังรัฐเจ้าด้วยเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้องค์รัชทายาทแห่งรัฐ
เว่ย
ผางชง เป็นขุนนางที่มีความรู้ความสามารถอย่างยิ่ง ในวังหลวงจึงมีขุนนางอื่นที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเขามากมายเนื่องจากความ ริษยา ดังนั้นเข้าจึงเกรงว่าหากตนเองเดินทางออกจากวังหลวงแล้วจะมีผู้ไม่หวังดีมา เพ็ดทูลให้ร้ายตน ดังนั้นก่อนออกเดินทาง เขาจึงกล่าวกับอ๋องรัฐเว่ยว่า
ผางชง เป็นขุนนางที่มีความรู้ความสามารถอย่างยิ่ง ในวังหลวงจึงมีขุนนางอื่นที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเขามากมายเนื่องจากความ ริษยา ดังนั้นเข้าจึงเกรงว่าหากตนเองเดินทางออกจากวังหลวงแล้วจะมีผู้ไม่หวังดีมา เพ็ดทูลให้ร้ายตน ดังนั้นก่อนออกเดินทาง เขาจึงกล่าวกับอ๋องรัฐเว่ยว่า
“ท่านอ๋อง
หากตอนนี้มีคนผู้หนึ่งกล่าวว่า บนท้องถนนกลางเมืองมีเสือเดินมา ท่านจะเชื่อหรือไม่?”
อ๋องรัฐเว่ยกล่าวว่า “ย่อมไม่เชื่อ เสือที่ไหนจะวิ่งขึ้นมาบนท้องถนนกลางเมือง”
ผางชงกล่าวอีกว่า “หากมีคน 2 คนกล่าวเช่นเดียวกันเล่า ท่านจะเชื่อหรือไม่?”
อ๋องรัฐเว่ยตอบว่า “หาก 2 คนพูดเหมือนกัน ข้าก็คงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง”
ผางชงจึงกล่าวว่า “งั้น หากมีคนถึง 3 คนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า บนท้องถนนปรากฏเสือตัวใหญ่
อ๋องรัฐเว่ยกล่าวว่า “ย่อมไม่เชื่อ เสือที่ไหนจะวิ่งขึ้นมาบนท้องถนนกลางเมือง”
ผางชงกล่าวอีกว่า “หากมีคน 2 คนกล่าวเช่นเดียวกันเล่า ท่านจะเชื่อหรือไม่?”
อ๋องรัฐเว่ยตอบว่า “หาก 2 คนพูดเหมือนกัน ข้าก็คงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง”
ผางชงจึงกล่าวว่า “งั้น หากมีคนถึง 3 คนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า บนท้องถนนปรากฏเสือตัวใหญ่
ท่านเห็นอย่างไร?”
คราครั้งนี้อ๋องรัฐเว่ยจึงตอบว่า “ถ้าทุกคนพูดเหมือนกัน ข้าก็ได้แต่เชื่อเช่นนั้นแล้ว”
เมื่อได้ยินอ๋องรัฐเว่ยกล่าวเช่นนั้น ขุนนางใหญ่ได้แต่ถอนหายใจ พลางกล่าวว่า “ท่านอ๋อง เสือไม่อาจวิ่งเข้ามาบนท้องถนน เรื่องนี้คนทั่วไปต่างทราบดี แต่เพียงมีคน 3 คนพูด เหมือนกัน เรื่องเสือบนถนนนี้กลับกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา เช่นเดียวกับหานตาน (เมืองหลวงแห่งรัฐเจ้า) ซึ่งห่างไกลจากต้าเหลียง (เมืองหลวงแห่งรัฐเว่ย) เรามากโข ทั้งคนที่รอจะเพ็ดทูลเรื่องต่าง ๆ ต่อพระองค์ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเพียง 3 คนเท่านั้น”
อ๋องรัฐเว่ยเข้าใจความนัยของคำพูดขุนนางเอก จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าเจ้าใจ เจ้าจงวางใจและเดินทางไปเถิด”
จากนั้นรัชทายาทพร้อมด้วยขุนนางผางชงจึงออกเดินทาง
หลังจากที่ผางชงจากไปไม่นาน ก็มีบรรดาขุนนางที่ริษยาพากันมาเพ็ดทูลให้ร้ายเขาดังคาด แต่อ๋องรัฐเว่ยก็แก้ต่างให้ผางชงในทุก ๆ ครั้ง และยกย่องว่าผางชงเป็นขุนนางผู้มีสติปัญญาและความจงรักภักดี
คราครั้งนี้อ๋องรัฐเว่ยจึงตอบว่า “ถ้าทุกคนพูดเหมือนกัน ข้าก็ได้แต่เชื่อเช่นนั้นแล้ว”
เมื่อได้ยินอ๋องรัฐเว่ยกล่าวเช่นนั้น ขุนนางใหญ่ได้แต่ถอนหายใจ พลางกล่าวว่า “ท่านอ๋อง เสือไม่อาจวิ่งเข้ามาบนท้องถนน เรื่องนี้คนทั่วไปต่างทราบดี แต่เพียงมีคน 3 คนพูด เหมือนกัน เรื่องเสือบนถนนนี้กลับกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา เช่นเดียวกับหานตาน (เมืองหลวงแห่งรัฐเจ้า) ซึ่งห่างไกลจากต้าเหลียง (เมืองหลวงแห่งรัฐเว่ย) เรามากโข ทั้งคนที่รอจะเพ็ดทูลเรื่องต่าง ๆ ต่อพระองค์ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเพียง 3 คนเท่านั้น”
อ๋องรัฐเว่ยเข้าใจความนัยของคำพูดขุนนางเอก จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าเจ้าใจ เจ้าจงวางใจและเดินทางไปเถิด”
จากนั้นรัชทายาทพร้อมด้วยขุนนางผางชงจึงออกเดินทาง
หลังจากที่ผางชงจากไปไม่นาน ก็มีบรรดาขุนนางที่ริษยาพากันมาเพ็ดทูลให้ร้ายเขาดังคาด แต่อ๋องรัฐเว่ยก็แก้ต่างให้ผางชงในทุก ๆ ครั้ง และยกย่องว่าผางชงเป็นขุนนางผู้มีสติปัญญาและความจงรักภักดี
แต่อย่างไรก็ตาม
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ได้รับฟังเรื่องราวความไม่ดีของผางชงมากขึ้น ๆ สุดท้ายอ๋องรัฐเว่ยก็กลับคล้อยตามและเชื่อว่าผางชงเป็นขุนนางโฉดไปในที่สุด
สามคนกลายเป็นเสือ
แม้ความจริงไม่มีเสือ แต่เมื่อหลายคนพูดเช่นเดียวกัน ข่าวลือว่ามีเสือก็ทำให้ผู้คนที่รับฟังเชื่อว่าเป็นความจริงได้
สุภาษิตคำนี้หมายความถึง ข่าวลือ หรือคำเท็จ เมื่อถูกพูดออกไปแบบปากต่อปากมากเข้า
ๆ ก็สามารถทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้รับข้อมูลด้านอื่นเข้าใจผิด ว่าเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงหรือเรื่องเท็จเหล่านั้นเป็นความจริง
ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000124569
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น