นิทานเซ็น ความในใจซือหม่าเจา แม้คนผ่านทางยังล่วงรู้
“ซือหม่าเจา” (สุมาเจียว) เป็นคนรัฐเว่ย บิดาของเขาเป็นแม่ทัพแห่งรัฐเว่ยมีนามว่า “ซือหม่าอี้” (สุมาอี้) เมื่อครั้งที่อ๋องแห่งรัฐเว่ย
“เว่ยหมิงตี้ เฉารุ่ย” เสด็จสวรรคต สองแม่ทัพแห่งรัฐเว่ย
คือ “เฉาส่วง” และ “ซือหม่าอี้” จึงได้สนับสนุนและชักใยให้
อ๋องแห่งรัฐฉี “เฉาฟัง” ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของเฉารุ่ยขึ้นสืบราชสมบัติต่อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ สองแม่ทัพแห่งรัฐเว่ยก็ย่อมอยู่ร่วมกันมิได้
จึงเกิดการแย่งชิงอำนาจกัน โดยในที่สุดซือหม่าอี้ก็สามารถกำจัดเฉาส่วงสำเร็จและยึดครองอำนาจทางการ
เมืองและการทหารของรัฐเว่ยได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ต่อมาเมื่อแม่ทัพซือหม่าอี้เสียชีวิตลง
บุตรชายคนโต “ซือหม่าซือ” (สุมาสู) กลับเชิด “เฉาเหมา” ราชนิกูลผู้มีวัยเพียง
13 ปี ขึ้นครองรัฐเว่ยแทนที่เฉาฟัง ส่งผลให้อำนาจของคนในตระกูลซือหม่ายิ่งใหญ่คับฟ้า
อย่างไรก็ตามหลังจากเชิดฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองอำนาจได้ไม่นาน ซือหม่าซือกลับล้มป่วยลงอย่างกระทันหัน
โดยระหว่างที่ป่วยหนักใกล้เสียชีวิตนั้นซือหม่าซือได้ยกอำนาจทั้งหมดให้กับ ซือหม่าเจา
ผู้เป็นน้องชาย
“ซือหม่าเจา” เมื่อได้ครองตำแหน่งมหาเสนาบดีแห่งรัฐเว่ยก็ยิ่งลุแก่อำนาจ มักใหญ่ใฝ่สูงยิ่งกว่าบิดาและพี่ชาย
คิดการณ์ใหญ่ถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน โดย
ซือหม่าเจาได้ดำเนินแผนจัดการผู้ที่ไม่ยอมศิโรราบและตั้งตนเป็นศัตรูอย่างต่อเนื่อง
ซือหม่าเจาได้ดำเนินแผนจัดการผู้ที่ไม่ยอมศิโรราบและตั้งตนเป็นศัตรูอย่างต่อเนื่อง
ด้านฮ่องเต้หนุ่มอย่าง “เฉาเหมา” เมื่อทราบแผนการณ์ของขุนนางใหญ่
ก็รู้ตัวดีว่าตนเองนั้นเป็นเพียงแค่ “ฮ่องเต้หุ่นเชิด”
ของซือหม่าเจา จึงวางแผนที่จะจัดการกับซือหม่าเจาบ้าง โดยหวังเสี่ยงใช้แผนยกกองกำลังบุกเข้าจู่โจมสังหารซือหม่าเจาอย่างเงียบ
ๆ
วันหนึ่ง
เฉาเหมาได้เรียกกลุ่มขุนนางคนสนิทเข้าเฝ้า โดยพระองค์ตรัสกับขุนนางเหล่านั้นว่า “ความในใจซือหม่าเจา แม้คนผ่านทางยังล่วงรู้ ข้ามิอาจทนรองรับความอับอายของการถูกโค่นล้มโดยไม่ลงมือกระทำการใด
ๆ ได้ ข้าต้องการให้พวกเจ้าไปจัดการกับซือหม่าเจาร่วมกับข้า”
เหล่าขุนนางใหญ่ เมื่อได้ยินดังนั้น ต่างก็เห็นว่าวิธีการของเฉาเหมามิแตกต่างจากแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
จึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฮ่องเต้หนุ่มอดทนอีกสักนิด โดยขุนนางผู้หนึ่งนามหวังจิงได้ลุกขึ้นกล่าวว่า
“ณ
วันนี้อำนาจทั้งหมดอยู่ในมือซือหม่าเจา ทั้งขุนนางบู๊และบุ๋นในราชสำนักต่างเป็นคนของเขา
กำลังของพระองค์ถือว่ายังอ่อนแอนัก การลงมือกระทำการใด ๆ โดยวู่วาม อาจก่อให้เกิดผลร้ายที่คาดคิดไม่ถึงตามมาได้
พระองค์โปรดพิจารณาให้รอบคอบก่อน”
อย่างไรก็ตาม
เฉาเหมากลับไม่ฟังคำทักท้วงของเหล่าขุนนางทั้งหลาย โดยในที่สุด พระองค์ได้นำกำลังประกอบด้วยผู้ติดตามและราชองครักษ์หลายร้อยคนบุกเข้าจู่
โจมหวังสังหารซือหม่าเจา โดยมิทราบว่าในหมู่ขุนนางคนสนิทนั้นมีไส้ศึกที่เป็นคนของซือหม่าเจาปะปนอยู่
โดยไส้ศึกเหล่านั้นได้นำแผนการของพระองค์ไปบอกกับ
ซือหม่าเจาไว้ล่วงหน้าแล้ว ด้วยเหตุนี้ ซือหม่าเจาจึงใช้โอกาสดังกล่าว นำกำลังทหารมาปกป้องตัวเองและลงมือสังหารฮ่องเต้หนุ่ม เฉาเหมาเสีย
ซือหม่าเจาไว้ล่วงหน้าแล้ว ด้วยเหตุนี้ ซือหม่าเจาจึงใช้โอกาสดังกล่าว นำกำลังทหารมาปกป้องตัวเองและลงมือสังหารฮ่องเต้หนุ่ม เฉาเหมาเสีย
ภายหลัง ชาวจีนได้นำสำนวน “ความในใจซือหม่าเจา แม้คนผ่านทางยังล่วงรู้”
มาใช้อธิบายถึงพฤติกรรม ประสงค์ หรือแผนการชั่วร้ายของบุคคลใด ที่แม้บุคคลนั้นจะไม่ประกาศหรือแสดงออกมาอย่างชัดเจน
แต่คนทั่วไปก็สามารถรับรู้ได้
หมายเหตุ : ค.ศ.265 ซือหม่าเหยียน บุตรชายของซือหม่าเจา ได้ประกาศตั้งราชวงศ์จิ้นตะวันตก
(ซีจิ้น) ขึ้นแทนที่ราชวงศ์เว่ยของเฉาเชาหรือโจโฉ และตั้งตนเป็นฮ่องเต้จิ้นอู่ตี้
(ขณะที่ยกย่องเชิดชูบิดาของตนคือซือหม่าเจาให้เป็นจิ้นเหวินตี้) โดยเมื่อถึงปี
ค.ศ.280 จิ้นตะวันตกสามารถปราบก๊กอู๋ลงได้ ทำให้สภาพการแบ่งแยกอำนาจของสามก๊กสลายตัวลงและแผ่นดินจีนก็สามารถรวมเป็น
หนึ่งเดียวได้อีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น