11/7/56

นิทานเซ็น ถอยให้ 90ลี้



นิทานเซ็น ถอยให้ 90ลี้

ทุ่ยปี้ซานเซ่อ(退避三舍) : ถอยให้ 90 ลี้
ในสมัยชุนชิว อ๋องจิ้นเสี้ยนกงได้ฟังคำยุแยงใส่ร้ายจนสั่งสังหารองค์ชายเซินเซิง และยังส่งคนไปจับตัวองค์ชายฉงเอ่อผู้น้องของเซินเซิง เมื่อฉงเอ่อทราบข่าวจึงหนีออกจากรัฐจิ้น และใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนนานกว่า 10 ปี
ผ่านความลำบากนานับประการ องค์ชายฉงเอ่อเดินทางมาถึงรัฐฉู่ อ๋องฉู่เฉิงได้ต้อนรับขับสู้ฉงเอ่ออย่างดีในฐานะอาคันตุกะจากต่างรัฐ เนื่องจากเชื่อว่าต่อไปฉงเอ่อจะต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
วันหนึ่ง อ๋องรัฐฉู่จัดงานเลี้ยงเพื่อรับรองฉงเอ๋อ ทั้งสองดื่มสุราพลางสนทนา บรรยากาศสนิทสนมอย่างยิ่ง
อ๋องฉู่ตรัสถามฉงเอ่อว่า หากวันใดที่ท่านกลับไปปกครองรัฐจิ้น ท่านจะตอบแทนเราอย่างไร?”
องค์ชายฉงเอ่อตอบว่า รัฐฉู่พรั่งพร้อมทั้งหญิงงาม แพรไหม และทรัพย์สมบัติ ทั้งยังมีผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ รัฐจิ้นจะสามารถหาสิ่งใดมาตอบแทนให้ท่านได้
อ๋องรัฐฉู่พลันตอบว่า ท่านอย่าได้ถ่อมตัวจนเกินไป ถึงอย่างไรท่านก็ควรจะมีอะไรมาตอบแทนเราบ้างมิใช่หรือ?”
องค์ชายฉงเอ่อยิ้มพลางกล่าวว่าหากหม่อมฉันได้กลับบ้านเมืองไปเป็นผู้ปกครองจริงดั่งว่า รัฐจิ้นยินดีที่จะเป็นพันธมิตรกับรัฐฉู่ แต่หากวันใดที่รัฐจิ้นต้องทำสงครามกับรัฐฉู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หม่อมฉันจะสั่งให้กองทหารถอยทัพให้รัฐฉู่ 3 เซ่อ(1 เซ่อเท่ากับ 30 ลี้) หากท่านอ๋องยังไม่พอใจ หม่อมฉันคงได้แต่ทำสงครามแล้ว
เวลาผ่านไป 4 ปี ฉงเอ่อได้ปกครองรัฐจิ้นแล้วดำรงตำแหน่งอ๋องจริงดั่งคาด และเป็นอ๋องที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ นามว่า จิ้นเหวินกง ซึ่งเป็นผู้ส่งเสริมให้รัฐจิ้นเข้มแข็งและเจริญรุ่งเรือง
633 ปีก่อนคริสตกาล รัฐจิ้นจึงได้ทำสงครามกับรัฐฉู่ ในสงคราม อ๋องจิ้นเหวินกงหรือฉงเอ่อได้ทำตามสัญญาที่เคยลั่นวาจาไว้ โดยสั่งให้กองทหารถอยให้กับทัพรัฐฉู่เป็นระยะทาง 90 ลี้
เมื่อกองทหารรัฐฉู่เห็นว่ารัฐจิ้นถอยทัพ ก็เข้าใจว่ารักตัวกลัวตาย จึงพากันบุกเข้าไปโจมตีด้วยความย่ามใจ
เมื่อกองกำลังรัฐฉู่มีความมั่นใจในตนเองมากเกินไป กองทัพรัฐจิ้นจึงได้อาศัยจุดอ่อนนี้ทุ่มเทกำลังทหารเพื่อตั้งรับและโจมตี สุดท้ายรัฐจิ้นก็ได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนั้น
ทุ่ยปี้ซานเซ่อหรือ ถอยให้ 90 ลี้ปัจจุบันใช้เปรียบเปรย หมายถึง ไม่สู้รบปรบมือกับผู้อื่น หรือยอมถอยให้อีกฝ่ายด้วยความสมัครใจ
ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000032321

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น