11/7/56

นิทานเซ็น ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น





นิทานเซ็น ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น



นิทานเซ็น ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น
ในสมัยชุนชิว อ๋องรัฐอู๋ นามโซ่วเมิ่ง วางแผนที่จะทำสงครามกับรัฐฉู่ ทว่ากลับถูกบรรดาเสนาบดีและขุนนางระดับสูงทัดทาน อ๋องอู๋จึงทรงพิโรธเป็นอันมาก ถึงกับลั่นวาจาต่อหน้าสถานที่ว่าราชการ ท่ามกลางบรรดาขุนนางทั้งหลายว่า ใครกล้าทัดทาน ให้บั่นคอมันเสีย !
แม้ว่าอ๋องรัฐอู๋จะคาดโทษไว้หนักหนาเช่น นั้น แต่กลับยังมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อศึกสงครามอีกไม่น้อยที่คิดจะทัดทาน ไม่ให้พระองค์เคลื่อนกองทัพออกไปสู้รบอยู่ดี ซึ่งในวังหลวงนั้นมีราชองครักษ์วัยฉกรรจ์อยู่ผู้หนึ่ง เขาคิดแผนการออกมาได้วิธีหนึ่ง โดยในทุก ๆ วัน ยามเช้าตรู่ เขาจะแบกคันศรและลูกธนูเข้าไปเดินไปเดินมาอยู่ในอุทยานหลังวังหลวง ทั้งยังปล่อยให้น้ำค้างตามต้นไม้ ร่วงหล่นลงมารดตัวจนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเปียกปอน
ราชองครักษ์เดินวนอยู่ในอุทยานอยู่อย่างนั้น 3 วัน จนอ๋องรัฐอู๋ เกิดความสงสัย ตรัสถามไถ่ว่า ท่านกำลังทำอะไรอยู่ เหตุใดจึงมาเดินวนเวียน ปล่อยให้เสื้อผ้าและร่างกายเปียกปอน
ราชองครักษ์จึงกล่าวตอบว่า เสื้อผ้าของข้าน้อยเปียก เนื่องเพราะต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในอุทยานแห่งนี้มีจั๊กจั่นตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันอาศัยอยู่สูงขึ้นไปบนต้นไม้ ทั้งยังเปล่งเสียงร้องไม่ยอมหยุด จนทำให้เกิดน้ำค้างพร่างพรมลงมา แต่มันก็ยังร้องเพลงต่อไปโดยไม่รู้ตัวว่า ด้านหลังของมัน มีตั๊กแตนตัวหนึ่งกำลังตั้งท่าจะขย้ำเจ้าจั๊กจั่นนั้นเป็นอาหารตั๊กแตนค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น ขยับเข้าใกล้จั๊กจั่นเพื่อเตรียมลงมือ ทว่าตัวมันเองนั้น ก็มิได้ตระหนักเลยว่า ด้านหลังของมันยังมีนกขมิ้นอีกตัวหนึ่งที่กำลังตั้งท่ายืดคอ จะจิกกินตั๊กแตนโชคร้ายอย่างมันเช่นกันแต่กระนั้น เจ้านกขมิ้นก็ไม่ได้รับรู้อีกว่า ใต้ต้นไม้ต้นนี้ ยังมีข้าน้อย มนุษย์ผู้ที่กำลังน้าวคันศรเล็งลูกธนูไปที่มันอยู่ด้วย จากเหตุการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าสัตว์ทั้ง 3 ตัวนั้นต่างมองเห็นเพียงผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เฉพาะหน้า โดยลืมคำนึงถึงผลเสียที่เลวร้ายในระยะยาว
เมื่อราชองครักษ์กล่าวจบ อ๋องอู๋จึงกล่าวว่า ท่านกล่าวได้ดีมากจากนั้นจึงตัดสินใจล้มเลิกแผนการโจมตีรัฐฉู่ไปในที่สุด
สำนวน ถางหลางปู่ฉานมาจากสำนวนเต็มที่ว่า ถางหลางปู่ฉาน หวงเชว่ไจ้โฮ่วหรือ ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลังใช้เพื่อเปรียบเปรยถึงผู้ที่ไร้วิสัยทัศน์ มักเล็งผลระยะสั้นโดยไม่ระวังว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวรออยู่ นอกจากนี้ยังใช้กระทบกระเทียบกับผู้ที่เอาแต่จ้องจะคิดบัญชีกับผู้อื่น โดยลืมไปว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น