นิทานเซ็น ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น
นิทานเซ็น
ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น
ในสมัยชุนชิว
อ๋องรัฐอู๋ นามโซ่วเมิ่ง วางแผนที่จะทำสงครามกับรัฐฉู่ ทว่ากลับถูกบรรดาเสนาบดีและขุนนางระดับสูงทัดทาน
อ๋องอู๋จึงทรงพิโรธเป็นอันมาก ถึงกับลั่นวาจาต่อหน้าสถานที่ว่าราชการ ท่ามกลางบรรดาขุนนางทั้งหลายว่า
“ใครกล้าทัดทาน
ให้บั่นคอมันเสีย !”
แม้ว่าอ๋องรัฐอู๋จะคาดโทษไว้หนักหนาเช่น
นั้น แต่กลับยังมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อศึกสงครามอีกไม่น้อยที่คิดจะทัดทาน ไม่ให้พระองค์เคลื่อนกองทัพออกไปสู้รบอยู่ดี
ซึ่งในวังหลวงนั้นมีราชองครักษ์วัยฉกรรจ์อยู่ผู้หนึ่ง เขาคิดแผนการออกมาได้วิธีหนึ่ง
โดยในทุก ๆ วัน ยามเช้าตรู่ เขาจะแบกคันศรและลูกธนูเข้าไปเดินไปเดินมาอยู่ในอุทยานหลังวังหลวง
ทั้งยังปล่อยให้น้ำค้างตามต้นไม้ ร่วงหล่นลงมารดตัวจนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเปียกปอน
ราชองครักษ์เดินวนอยู่ในอุทยานอยู่อย่างนั้น
3 วัน
จนอ๋องรัฐอู๋ เกิดความสงสัย ตรัสถามไถ่ว่า “ท่านกำลังทำอะไรอยู่
เหตุใดจึงมาเดินวนเวียน ปล่อยให้เสื้อผ้าและร่างกายเปียกปอน”
ราชองครักษ์จึงกล่าวตอบว่า
“เสื้อผ้าของข้าน้อยเปียก
เนื่องเพราะต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในอุทยานแห่งนี้มีจั๊กจั่นตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันอาศัยอยู่สูงขึ้นไปบนต้นไม้
ทั้งยังเปล่งเสียงร้องไม่ยอมหยุด จนทำให้เกิดน้ำค้างพร่างพรมลงมา
แต่มันก็ยังร้องเพลงต่อไปโดยไม่รู้ตัวว่า ด้านหลังของมัน มีตั๊กแตนตัวหนึ่งกำลังตั้งท่าจะขย้ำเจ้าจั๊กจั่นนั้นเป็นอาหาร…ตั๊กแตนค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น ขยับเข้าใกล้จั๊กจั่นเพื่อเตรียมลงมือ
ทว่าตัวมันเองนั้น ก็มิได้ตระหนักเลยว่า ด้านหลังของมันยังมีนกขมิ้นอีกตัวหนึ่งที่กำลังตั้งท่ายืดคอ
จะจิกกินตั๊กแตนโชคร้ายอย่างมันเช่นกัน…แต่กระนั้น เจ้านกขมิ้นก็ไม่ได้รับรู้อีกว่า
ใต้ต้นไม้ต้นนี้ ยังมีข้าน้อย มนุษย์ผู้ที่กำลังน้าวคันศรเล็งลูกธนูไปที่มันอยู่ด้วย
จากเหตุการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าสัตว์ทั้ง 3 ตัวนั้นต่างมองเห็นเพียงผลประโยชน์เล็ก
ๆ น้อย ๆ เฉพาะหน้า โดยลืมคำนึงถึงผลเสียที่เลวร้ายในระยะยาว”
เมื่อราชองครักษ์กล่าวจบ
อ๋องอู๋จึงกล่าวว่า “ท่านกล่าวได้ดีมาก”
จากนั้นจึงตัดสินใจล้มเลิกแผนการโจมตีรัฐฉู่ไปในที่สุด
สำนวน “ถางหลางปู่ฉาน” มาจากสำนวนเต็มที่ว่า “ถางหลางปู่ฉาน หวงเชว่ไจ้โฮ่ว”
หรือ “ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง”
ใช้เพื่อเปรียบเปรยถึงผู้ที่ไร้วิสัยทัศน์ มักเล็งผลระยะสั้นโดยไม่ระวังว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวรออยู่
นอกจากนี้ยังใช้กระทบกระเทียบกับผู้ที่เอาแต่จ้องจะคิดบัญชีกับผู้อื่น โดยลืมไปว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น