นิทานเซ็น นักปราชญ์ซื้อลา
นิทานเซ็น
นักปราชญ์ซื้อลา
ป๋อซื่อใหม่หลีว์ (博士买驴) : นักปราชญ์ซื้อลา
ในสมัยโบราณ
มีป๋อซื่อ(นักปราชญ์ในราชสำนักจีน)ผู้หนึ่ง ที่เอาแต่คร่ำเคร่งศึกษาท่องจำสี่ตำราห้าคัมภีร์
(หมายถึงตำรา 4 เล่มกับคัมภีร์
5 เล่ม ที่รวมปรัชญาและคำสอนในลัทธิขงจื้อ) อย่างยิ่ง จนแทบจะเรียกได้ว่าบรรจุคำสอนในตำราไว้เต็มท้อง
เขาชอบวางภูมิอวดโอ่ความรู้ของตนไปทั่ว
ครั้งหนึ่ง
ลาที่บ้านของป๋อซื่อผู้นี้ตายลง เขาจึงไปยังตลาดเพื่อหาซื้อลาตัวใหม่
หลังจากที่เจรจาต่อรองกับเจ้าของลาได้ จึงได้ให้ผู้ขายเขียนหนังสือสัญญาซื้อขายให้ฉบับหนึ่ง
แต่ทว่าเจ้าของลาไม่รู้หนังสือจึงขอร้องให้เขาเป็นผู้เขียนเอง ป๋อซื่อตกลง
เจ้าของลาจึงนำกระดาษ
พู่กัน และน้ำหมึกมาให้ ครั้งนี้ป๋อซื่อคิดว่าเป็นช่องทางอวดโอ่ภูมิรู้ของตนทางหนึ่ง
จึงตั้งใจเขียนหนังสือสัญญาฉบับนี้อย่างบรรจง จนกระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนาน กระดาษ 3 แผ่นล้วนอัดแน่นไปด้วยตัวอักษรจึงแล้วเสร็จ
เจ้าของลาจึงขอให้ป๋อซื่อผู้นี้อ่านให้ตนฟัง เขาจึงกระแอมไอหนึ่งครั้ง จากนั้นโคลงหัวไปมา
อ่านออกเสียงราวปราชญ์ผู้กำลังเผยแพร่คำสอน ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาตามท้องถนนรู้สึกสนใจใคร่รู้
จึงแวะเวียนเข้ามารับฟังด้วย
ผ่านไปราวครึ่งวัน
ป๋อซื่อเพิ่งอ่านหนังสือสัญญาจบ แต่เจ้าของลานั่งฟังจนจบกลับขบคิดไม่เข้าใจเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ท่านเขียนจนเต็ม 3 หน้ากระดาษ เหตุใดคำว่า “ลา” ไม่ปรากฏแม้แต่คำเดียว
ทั้งที่ความจริง เพียงบันทึกวันเวลาที่ข้าน้อยขายลาตัวนี้ให้ท่าน และบันทึกว่าข้าน้อยได้รับเงินแล้วเป็นจำนวนเท่าใด
มิใช่เรียบร้อยแล้วหรือ เหตุใดต้องเขียนวุ่นวายถึงเพียงนี้?”
กล่าวถึงตรงนี้
ชาวบ้านที่พากันมาชมดูต่างพากันหัวเราะ ต่อมาเหตุการณ์นี้มีผู้บรรยายเชิงกระทบกระเทียบเอาไว้สั้น
ๆ ว่า “ป๋อซื่อซื้อลา
เปลี่ยนกระดาษ 3 ครา กลับไร้อักษร “ลา”
”
สำนวน “นักปราชญ์ซื้อลา” เขียนสัญญากว่า 3 หน้า กลับไม่มีคำว่า “ลา” ซึ่งเป็นใจความสำคัญใช้เปรียบเปรยกระทบกระเทียบกับการเขียน
การพูด รวมทั้งการสื่อสารอื่น ๆ ที่ขาดหัวใจสำคัญของเรื่อง มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ หาสาระใจความอะไรมิได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น