3/7/56

ศีลห้าจากพระอาจารย์(พระพุทธจี้กง)คำนำ


ศีล” เป็นศัพท์บัญญัติในศาสนาพุทธ มีคนพูดว่า ผู้บำเพ็ญวิถีอนุตตรธรรม ทำไมจะต้องใช้ศัพท์บัญญัติของศาสนาพุทธด้วย นี่คือความรู้สึกนึกคิดของคนที่มีจิตใจแบ่งแยก
ศีล” เป็นรากฐานเบื้องต้นที่จะพาคนให้พ้นเวียนว่าย มีรู้จักถือศีลเจ้าจะทำผิดกันมากมาย ไม่ถือศีลเหมือนมีรายรับไม่พอกับรายจ่าย จึงต้องใช้ศีลมาเป็นกรอบบังคับให้ทำความผิดกันน้อยลง ไม่ว่าใครบำเพ็ญในสายใด ล้วนแต่จะต้องรอบคอบระวังรักษาศีล ให้กาย วาจา ใจบริสุทธิ์
เราบำเพ็ญปฏิปทาพระโพธิสัตว์กันก็จะต้องระวังแม้สิ่งละเอียดเล็กน้อย มิฉะนั้นทุกขณะที่เกิดความคิด จิตสำนึกของเจ้าก็จะไม่บริสุทธิ์ ธรรมปฏิบัติมีหลายแนวทาง ที่เหมือนกันคือการถือศีล ไม่ว่าจะเป็นลัทธิใด ศีล” จะเป็นธรรมปฏิบัติร่วมกันอย่างแน่นอน ฉะนั้นวันนี้อาจารย์จึงจะพูดเรื่อง ศีล” ให้พวกเจ้าเข้าใจ ให้ไปรักษากันเอาไว้ไม่ใช่ให้รักษาเพียงปณิธานสิบลาหัสคาถาแล้วก็จะพ้นเวียนว่ายตายเกิด
ถ้าเอาแต่ท่องทุกวัน แต่ไม่ตัดตัวต้นคิด” ไม่ตัดรากเหง้าของความผิดบาปทั้งหลายก็จะเข้าข่าย


ดายหญ้าไม่ขุดรากเหง้า ลมฝนพัดเจ้าก็แตกยอดดอกใบ”
รากเหง้าของความผิดบาปจะต้องตัดขาด ขุดถอนให้สิ้นโดยเด็ดขาด อริยวิสัยในตัวของเจ้า (จิตพุทธะ) จึงจะเจริญวัยปัญญาของเจ้าจึงจะเบิกบานแจ่มใส ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลนำมาก่อน การได้พบวิถีธรรมหนทางตรงในยุคสุดท้ายนี้เนื่องจากรากฐานของเหล่าเวไนยค่อน ข้างหยาบจึงไม่อาจเห็นจิตเดิมแท้ของตนได้ทันที ไม่อาจสำรวมรักษาตนให้บริสุทธิ์ได้ จำต้องอาศัยศีลเป็นครู
เมื่อไม่อาจใช้จิตเดิมแท้เป็นตัวรู้ได้ จึงต้องใช้ศีลเป็นครูนำทาง ถือศีลช่วยให้ครอบครัวเป็นสุขสามีภรรยาต่างถือศีล ความผิดเรื่องชู้สาว เหล้ายาอบายมุขย่อมไม่เกิดขึ้น ทุกคนในสังคมถือศีล บ้านเมืองไม่ต้องมีสถานีตำรวจ โรงศาล ไม่ต้องใช้กฎหมายควบคุม อยากให้สังคมสงบสุข ทุกคนจะต้องถือศีลอาศัยศีลควบคุมตน
ถือศีลช่วยให้เจ้าหลุดพ้น ศีลไม่ใช่เครื่องผูกมัดจำกัดเจ้า แต่ศีลเหมือนรางรถไฟ หากเจ้าแล่นออกนอกรางก็จะอันตรายศีลเป็นขอบเขต เมื่อเจ้าออกนอกขอบเขต สัญญาณไฟแดงจะเตือนภัย ทำผิดไปจากความเป็นคนก็คือ ละเมิดศีล
เสรีภาพ คือ ความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่เป็นภัยต่ออิสรภาพของผู้อื่น จึงต้องอาศัยศีลมาควบคุม
ถ้าทุกคนมีเมตตากรุณาประจำใจ ศีลก็ไม่มีผลอะไรสำหรับเจ้า
ถือศีล คือ กำหราบตนเอง เสริมสร้างตนเองให้เกิดเมตตากรุณา กำหราบตัวเองไม่ให้เพ้อเจ้อ ไม่ลักขโมย ไม่โลภอยาก ไม่เมาสุราขาดสติ ไม่มักมากในกาม

ศีลช่วยให้เจ้าเดินเข้าสู่สัมมาสัมโพธิมรรคอย่าเห็นศีลเป็นเครื่องผูกมัด พันธนาการ และอย่าเอาศีลมาเป็นเครื่องวัดระดับการบำเพ็ญหรือพิจารณาหาความผิดของคนอื่น เขาบังเกิดกุศลจิตจะรักษาศีล ให้เขาค่อย ๆ ปรับสภาพไป
ในอดีตชาติที่ผ่านมา เราต่างปลูกเมล็ดพันธุ์อันเป็นเหตุและผลมากมายในสัญญาความจำ พอกพูนไว้นานเหลือเกินแล้ว จึงยากที่จะกำจัดไป ทุกคนต่างมีอารมณ์มีอนุสัยที่นอนเนื่องแฝงอยู่นี่คือจุดบกพร่อง จึงต้องอาศัยศีลค่อย ๆ ปรับสภาพ ค่อย ๆ กำหราบตัวเจ้าเอง
อย่าได้กลัวการถือศีล สำหรับผู้บำเพ็ญ ศีลเป็นบันไดที่จะต้องก้าวขึ้นไป เพื่อมุ่งสู่วิถีโพธิสัตว์ เจ้าสร้างบุญกุศลกันโดยไม่เข้าใจศีล” เท่ากับเสี้อผ้าเปื้อนที่ยังไม่ได้ซัก เอาออกมาใส่ทีไรรอยเปื้อนก็ยังคงอยู่ อนุสัยในแต่ละชาติของชีวิตที่ได้สั่งสมไว้ มิได้ขจัดไป มันนอนเนื่องอยู่ในสันดานเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ฝังอยู่ในผืนนาได้รับแสงแดดก็ จะแตกใบงอกงามขึ้นมาใหม่จึงกล่าวว่า
ดายหญ้าไม่ขุดรากเหง้า ลมฝนพัดเจ้าก็แตกยอดดอกใบ”

การจะกำจัดวัชพืชในจิตใจต้องอาศัยถือศีลเป็นหลักจึงจะถึงรากถึงโคน
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น